24 มิถุนายน 2556

ใช้ทุ่นระเบิดปกป้องป่าไม้..ความคิดที่ถูกหรือผิด

ผมทำงานในศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (Thailand Mine Action Center : TMAC) มีหน้าที่เกี่ยวกับการตรวจสอบและประเมินผลพื้นที่ปลอดภัยจากทุ่นระเบิด ที่ยังคงมีตกค้างอยู่ในประเทศไทยจากผลพวงการสู้รบตามแนวชายแดนในสมัยก่อน การดำเนินการกวาดล้างและเก็บกู้ทุ่นระเบิดในประเทศไทยนี้ เป็นไปตามอนุสัญญาระหว่างประเทศที่เรียกกันทั่วไปว่า "อนุสัญญาออตตาวา" โดยประเทศไทยต้องกวาดล้างและเก็บกู้ทุ่นระเบิดให้หมดไปจากประเทศไทยภายในปี พ.ศ.2561 หน่วยงานของผมทำงานภายใต้อำนาจของคณะกรรมการดำเนินงานทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมแห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน

เส้นทางเดินปลอดภัยขนาดกว้าง 1-2 ม.
หลังจากการกวาดล้างและเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่

การดำเนินการกวาดล้างและเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ วิธีการก็คือ การสุ่มเจาะเพื่อเปิดเส้นทางในพื้นที่กว้างประมาณ 1-2 เมตรเพื่อทำการตรวจค้นว่ามีทุ่นระเบิดหลงเหลืออยู่หรือไม่ หากพบก็จะทำการเก็บกู้และทำลายทิ้ง การสุ่มเจาะเพื่อเป็นตัวอย่าง จะเป็นไปตามกระบวนการปรับลดพื้นที่ด้วยวิธี Land release ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับและเป็นมาตรฐานใช้กันทั่วโลก โดยการสุ่มตัวอย่างจะต้องสุ่มให้ได้พื้นที่ปลอดภัยอย่างน้อยตั้งแต่ร้อยละ 5-40 ขึ้นไปของจำนวนพื้นที่ทั้งหมด แล้วแต่ความหนาแน่นของทุ่นระเบิดที่คาดว่าจะมี ดังนั้นในพื้นที่หลังจากการกวาดล้างและเก็บกู้ทุ่นระเบิดแล้ว จะก่อให้เกิดเส้นทางเดินขนาดกว้าง 1-2 เมตร โยงใยเต็มไปหมดคล้ายใยแมงมุม ซึ่งล้วนเป็นช่องทางเดินที่ปลอดภัยจากทุ่นระเบิดแล้วทั้งสิ้น

ในพื้นที่ที่ระบุว่ายังมีสนามทุ่นระเบิดตกค้างอยู่ โดยเฉพาะในพื้นที่ป่าสงวนและอุทยานแห่งชาติ ตามแนวชายแดนไทยและประเทศกัมพูชา ยังมีไม้พะยูงขึ้นอยู่จำนวนมาก มีการลักลอบตัดไม้พะยูงปรากฏให้เห็นเป็นข่าวอยู่เสมอ ผู้ลักลอบตัดไม้ ไม่เกรงกลัวว่าจะเหยียบทุ่นระเบิดที่ยังตกค้างและมีอยู่ในพื้นที่ แต่ยังข้ามแดนเข้ามาลักลอบตัดไม้พะยูงกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ยิ่งหลังจากหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม(นปท.) เข้าไปดำเนินการกวาดล้างและเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ด้วยแล้ว ยิ่งก่อให้เกิดเส้นทางปลอดภัยจากทุ่นระเบิดอีกจำนวนหลายเส้นทาง ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น...

มีการกล่าวอยู่เสมอจากหน่วยงานเจ้าของพื้นที่ว่า เส้นทางปลอดภัยจากการเก็บกู้และกวาดล้างทุ่นระเบิดที่ นปท. ดำเนินการ กลายเป็นเส้นทางที่เอื้อประโยชน์ต่อพวกลักลอบตัดไม้พะยูง ให้เดินทางเข้ามาตัดไม้พะยูงและขนส่งได้ง่ายขึ้น  การตัดไม้พะยูงจึงมีจำนวนมากขึ้นเป็นลำดับ ยากต่อการควบคุม จึงเกิดความเห็นที่ว่า "ควรใช้ทุ่นระเบิดปกป้องทรัพยากรป่าไม้เอาไว้ ไม่ควรเก็บกู้มันออกจากพื้นที่"

ร่องรอยตัดไม้พะยูง
ที่พบเป็นประจำขณะผมออก
ตรวจสอบและประเมินผล
พื้นที่ปลอดภัยจากทุ่นระเบิด
ผมว่าคำพูดเหล่านี้เป็นคำพูดที่ขาดความผิดชอบอย่างมาก..ไม้พะยูงมีการลักลอบตัดกันอยู่แล้วตามปรกติตามแนวชายแดน แม้จะยังไม่มีการเก็บกู้กวาดล้างทุ่นระเบิดก็ตาม เหตุเพราะเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ พ่อค้า และนักการเมือง ขาดความรับผิดชอบต่อหน้าที่ 

มีหรือ..ไม่รู้ว่าวันใดจะมีพวกลักลอบข้ามแดนเข้ามาตัดไม้พะยูงในเขตบ้านเรา แล้วชุดหาข่าวที่แฝงตัวอยู่ตามแนวชายแดนที่มีอยู่มากมาย ทำอะไรกันอยู่

ผู้รับผิดชอบพื้นที่มีการจัดชุดออกลาดตระเวนเฝ้าระวังพื้นที่บ่อยครั้งแค่ไหน หรือว่าไม่มีคน คนไม่พอ

นอกจากนั้น หลายหน่วยงานยังชอบอ้างว่าพื้นที่ป่าไม้ที่รับผิดชอบ เต็มไปด้วยอันตรายจากทุ่นระเบิด หากออกเดินลาดตระเวนแล้วเกรงว่าเจ้าหน้าที่จะได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบทุ่นระเบิด แต่พอพื้นที่ปลอดภัยจากทุ่นระเบิดแล้ว กลับมาอ้างว่าเป็นการเอื้อต่อการเข้ามาลักลอบตัดไม้ทำลายป่าอีก...ตกลงจะเอาอย่างไรกันแน่...

ผมว่าปัญหาเหล่านี้ มันเป็นปัญหาเรื่องการบริหารจัดการของหน่วยงานเจ้าของพื้นที่มากกว่า อย่าโทษคนเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างพวกเราเลย ไม่ว่าจะท่านจะอยู่ในหน่วยงานใดก็ตามที่เป็นผู้ดูแลรักษาพื้นที่อยู่ ท่านรู้อยู่แก่ใจว่าไม้พะยูงมันอยู่ที่ไหน พิกัดตำแหน่งใด ขึ้นอยู่ที่ว่า ท่านตั้งใจรักษามันไว้ และตั้งใจปราบปราบผู้ลักลอบอย่างจริงจังหรือปล่าว หรือว่ามันมีอะไรปิดหูปิดตาอยู่ พวกท่านจึงมองไม่เห็น 

ผมว่าพอพื้นที่ปลอดภัยจากทุ่นระเบิดแล้ว มีเส้นทางที่เปิดเอาไว้ให้เดินทางด้วยความปลอดภัย มันน่าจะทำให้เจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวณเฝ้าระวังพื้นที่ได้สะดวกและบ่อยครั้งขึ้น ครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่าเดิม และมีความปลอดภัยจากการบาดเจ็บจากการเหยียบทุ่นระเบิด..

ดังนั้น คำพูดที่กล่าวว่า "เส้นทางที่เปิดไว้กลายเป็นเส้นทางที่เอื้อประโยชน์ต่อพวกลักลอบตัดไม้พะยูง ให้เดินทางเข้ามาตัดไม้พะยูงและขนส่งได้ง่ายขึ้น ยากต่อการควบคุม" จึงถือว่าเป็นคำพูดที่ขาดความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง


*************************
ชาติชยา ศึกษิต : 23 มิ.ย.2556

ไม่มีความคิดเห็น: