ผมได้มีโอกาสเห็นการทำงานของ ฯพณฯ เฮง รัตนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา (H.E.HENG Ratana, Director of the cambodian Mine Action Centre : CMAC) จำนวน 2 ครั้ง โดยครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 14 มี.ค.2559 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมสเตชั่นวัน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
ครั้งแรกเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมกันในพื้นที่เขตปลอดทหารชั่วคราว PDZ
การประชุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากผลการหารือของคณะทำงานร่วมระหว่างไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 2 (2nd Meeting of the Joint Working Group : JWG) เรื่องการปฎิบัติตามคำสั่งศาลยุติธรรมระหว่างประเทศลงวันที่ 18 ก.ค.2554 ระหว่างวันที่ 26-28 มิ.ย.2555 ณ กรุงพนมเปญ โดยกัมพูชาต้องการให้มี "การเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมกันระหว่างไทยและกัมพูชา" ในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อความปลอดภัยต่อคณะสังเกตการณ์ร่วมและเกิดความสะดวกในการดำเนินการตามขั้นตอนของการปรับกำลังต่อไป ผลพลอยได้ก็คือความปลอดภัยของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ นักท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่ปฏิบัติงานอยู่
ครั้งที่สอง : การเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมกันในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ
การหารือครั้งนี้สืบเนื่องมาจากผลการประชุมของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 10 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา เมื่อ 24 ธ.ค.57
“ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบตามที่จะสนับสนุนความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมระหว่างศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) และศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา(CMAC) โดยที่ประชุมรับทราบข้อเสนอที่จะร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมกันในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ชายแดน เพื่อให้การดำเนินการตามโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษประสบผลสำเร็จ”
ต่อมาในวันที่ 21-23 ม.ค.2558 จึงเกิดการประชุมร่วมครั้งแรกระหว่าง TMAC กับ CMAC ณ โรงแรมอินโดจีน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยใช้ชื่อการประชุมว่า "The Thai-Cambodian Demining Cooperation Meeting" ซึ่งครั้งนี้ผมไม่ได้เข้าร่วมคณะ
ครั้งแรกเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมกันในพื้นที่เขตปลอดทหารชั่วคราว PDZ
ตอนนั้น วันที่ 31 ส.ค.2555 เฮง รัตนา ที่ปรึกษานายฮุนเซน นำพาทีมจากศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา (CMAC) มาประชุมเรื่อง "การเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมในพื้นที่ปลอดทหารชั่วคราว" (Provisional Demilitarized Zone ; PDZ) ABCD ตามคำสั่งศาลโลก กับศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติของไทย (TMAC) ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และผู้แทนหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของกองทัพไทย ณ ห้องประชุมกรมกิจการชายแดนทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย
ครั้งที่สอง : การเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมกันในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ
การหารือครั้งนี้สืบเนื่องมาจากผลการประชุมของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 10 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา เมื่อ 24 ธ.ค.57
“ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบตามที่จะสนับสนุนความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมระหว่างศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) และศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา(CMAC) โดยที่ประชุมรับทราบข้อเสนอที่จะร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมกันในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ชายแดน เพื่อให้การดำเนินการตามโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษประสบผลสำเร็จ”
ต่อมาในวันที่ 21-23 ม.ค.2558 จึงเกิดการประชุมร่วมครั้งแรกระหว่าง TMAC กับ CMAC ณ โรงแรมอินโดจีน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยใช้ชื่อการประชุมว่า "The Thai-Cambodian Demining Cooperation Meeting" ซึ่งครั้งนี้ผมไม่ได้เข้าร่วมคณะ
ผลการหารือสรุปได้ว่า
- ทั้งสองฝ่ายพร้อมที่จะปฏิบัติงานตามแนวทางของรัฐบาลทั้งสองประเทศ ในเรื่องการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ
- CMAC เห็นว่าควรรอให้รัฐบาลทั้งสองตัดสินใจในเรื่องพื้นที่ที่จะดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วม แล้วจึงเริ่มเจรจาลงรายละเอียด (ที่ไหน อย่างไร กำลังพล ฯลฯ)
- CMAC เห็นว่าการดำเนินการเรื่องงานทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมอื่นๆ ที่ไม่ใช่การเก็บกู้ทุ่นระเบิดสามารถดำเนินการได้ทันที (การเก็บกู้ฯ ควรรอให้รัฐบาลทั้งสองเป็นผู้กำหนด)
- CMAC เสนอให้มีการพบกันอีก ทั้งในระดับผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติของทั้งสองฝ่าย เพื่อดำเนินการปรึกษาหารือในรายละเอียด และติดตามความคืบหน้าในเรื่องนี้ให้เป็นรูปธรรม
วันที่ 14 มี.ค.2559 ฯพณฯ เฮง รัตนา ในฐานะผู้แทนรัฐบาลกัมพูชาและผู้อำนวยการศูนย์ปฏฺิบัติการทุ่นระเบิดแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา (CMAC) และคณะ ขอเข้าพบผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติทุ่นระเบิดแห่งราชอาณาจักรไทย (TMAC) เพื่อหารืออย่างไม่เป็นทางการ เรื่อง แนวทางการเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมไทย-กัมพูชา บริเวณเขตเศรษฐกิจพิเศษ บ้านป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.กัมพูชา ตามนโยบายรัฐบาลทั้งสองประเทศ ณ โรงแรมสเตชั่นวัน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สรุปผลการหารือได้ ดังนี้
- ทั้งสองฝ่ายเห็นควรมีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมกันระหว่าง TMAC กับ CMAC
- การกำหนดขอบเขตพื้นที่เก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมกันให้คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา เป็นผู้กำหนด
- การแบ่งพื้นที่การเก็บกู้ทุ่นระเบิดร่วมบริเวณ บ.ป่าไร่ แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่
- พื้นที่ที่ชัดเจนในเรื่องเขตแดนแล้ว แต่ละฝ่ายจัดเจ้าหน้าที่เก็บกู้เอง
- ส่วนพื้นที่ที่ยังไม่ชัดเจนเรื่องเขตแดนให้จัดเจ้าหน้าที่เก็บกู้ร่วมกัน
- การดำเนินงานด้านทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมอื่นๆ ที่ไม่ใช่การเก็บกู้ทุ่นระเบิดสามารถดำเนินการได้ทันที โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน
- หากมีโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากทุ่นระเบิดร่วมกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา จากผู้บริจาค ทาง TMAC ยินดีให้ CMAC เป็นเจ้าของโครงการ
เฮง รัตนา บุคคลที่น่าจับตามอง
เฮง รัตนา ถือว่าเป็นลูกหม้อของ CMAC เคยทำงานในตำแหน่ง ผู้จัดการด้านประกันคุณภาพ (QA Manager) ไต่เต้าขึ้นมาเป็นหัวหน้าสำนักเลขานุการ เป็นรองผู้อำนวยการ CMAC และจนกระทั่งได้รับการแต่งตั้งเป็น ผู้อำนวยการ CMAC ในปี 2551
ปัจจุบัน CMAC เป็นองค์กรอิสระ มีประเทศที่เป็นผู้บริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในประเทศกัมพูชามากกว่า 14 ประเทศ และองค์กรของสหประชาชนชาติ, NGO ปฏิบัติงานร่วมกันมากกว่า 20 แห่ง ซึ่งหากเทียบกันแล้ว เขาเหนือกว่า TMAC ของไทยมาก
ใน 3 ครั้งที่มีการเจรจากัน เฮง รัตนา ยังคงเป็น ผอ.CMAC ในฐานะ หน.คณะเจรจา มาโดยตลอด แตกต่างกับประเทศไทย ทึ่ ผอ.TMAC เป็นคนละคนกัน เฮง รัตนา มีลักษณะของนักการฑูต การเจรจาทุกครั้งมักเป็นฝ่ายได้เปรียบไทยเสมอ และมักจะมีวาระซ่อนเร้น ที่จะทำให้ฝ่ายไทยเสียเปรียบในอนาคต
เฮง รัตนา ถือว่าเป็นลูกหม้อของ CMAC เคยทำงานในตำแหน่ง ผู้จัดการด้านประกันคุณภาพ (QA Manager) ไต่เต้าขึ้นมาเป็นหัวหน้าสำนักเลขานุการ เป็นรองผู้อำนวยการ CMAC และจนกระทั่งได้รับการแต่งตั้งเป็น ผู้อำนวยการ CMAC ในปี 2551
ปัจจุบัน CMAC เป็นองค์กรอิสระ มีประเทศที่เป็นผู้บริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในประเทศกัมพูชามากกว่า 14 ประเทศ และองค์กรของสหประชาชนชาติ, NGO ปฏิบัติงานร่วมกันมากกว่า 20 แห่ง ซึ่งหากเทียบกันแล้ว เขาเหนือกว่า TMAC ของไทยมาก
ใน 3 ครั้งที่มีการเจรจากัน เฮง รัตนา ยังคงเป็น ผอ.CMAC ในฐานะ หน.คณะเจรจา มาโดยตลอด แตกต่างกับประเทศไทย ทึ่ ผอ.TMAC เป็นคนละคนกัน เฮง รัตนา มีลักษณะของนักการฑูต การเจรจาทุกครั้งมักเป็นฝ่ายได้เปรียบไทยเสมอ และมักจะมีวาระซ่อนเร้น ที่จะทำให้ฝ่ายไทยเสียเปรียบในอนาคต
ความเชี่ยวชาญในงานด้านทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม และความเป็นนักการฑูต ของ เฮง รัตนา นี้เอง ที่ฝ่ายไทยต้องระมัดระวัง อย่าได้เพลี่ยงพล้ำเป็นอันขาด ไม่งั้นฝ่ายไทยอาจจะเสียแผ่นดินอีกครั้งได้ ดั่งเช่นกรณีเขาพระวิหาร ที่ทุกคนต่างทราบดี
*************************
ชาติชาย คเขนชล : 18 มี.ค.2559
ชาติชาย คเขนชล : 18 มี.ค.2559
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น